ผมเริ่มประทับใจและเป็นแฟนของ Bang & Olufsen ตั้งแต่เกลี้ยกล่อมขอให้คุณพ่อซื้อ Bang & Olufsen ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 ตั้งแต่ช่วงนั้น Bang & Olufsen โดดเด่นและเป็นที่พูดถึงสำหรับผู้คนที่ชื่นชอบสไตล์ที่ผสมผสานเข้ากับคุณภาพเสียง เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการฟังเพลงอันไพเราะโดยไม่ต้องวุ่นวายกับสายไฟหรือการตั้งค่าที่ซับซ้อนใดๆ
หลังจากช่วงทศวรรษที่ 1980 ความนิยมของแบรนด์ก็เริ่มเงียบหาย แต่และแล้วในช่วงสามปีที่ผ่านมา Bang & Olufsen ก็ได้กลับมาผงาดอีกครั้ง และดูเหมือนว่าการกลับมาครั้งนี้จะแข็งแกร่งกว่าที่เคย ตอนนี้ Bang & Olufsen ได้ปรับรูปแบบการนำเสนอใหม่ โดยการผสมผสานความมีสไตล์และเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งบางคนอาจเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของเหล่าแฟนๆ Bang & Olufsen ที่ซื้อเครื่องเสียงของบริษัทกลับมา ในปี 1970 และ 1980
Beosound Balance ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่ผมจะพูดถึงว่าคู่ควรแก่การจ่ายเงินเพื่อได้มาครอบครอง ผมโชคดีมากที่สามารถยืมมาได้ 2 เครื่องประมาณสองสามสัปดาห์ เพื่อนำมาทดลองเล่นแล้วประเมินว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับราคาที่ค่อนค้างสูงหรือไม่
Beosound Balance ถูกสร้างขึ้นโดยนักออกแบบอันดับต้นๆของ Bang & Olufsen เป็นการผสมผสานความหลงใหลในดนตรี การออกแบบ และงานฝีมือ เช่นเดียวกันกับระบบที่พ่อของผมเคยซื้อให้เมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน Beosound Balance มีรูปทรงโค้งมนนุ่มนวลไม่เหมือนใคร ผลิตขึ้นโดยใช้วัสดุจากไม้โอ๊ค ผ้าทอ อะลูมิเนียม บวกกับ Interface ด้านบนของลำโพงที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่สามารถเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานได้เมื่อไม่มีการใช้งาน
ลำโพง Beosound Balance ประกอบไปด้วยดอกลำโพงด้านในมากถึง 7 ตัว มีการนำเทคโนโลยี Beam-forming มาใช้ เพื่อให้เสียงทรงพลัง มีทิศทางเสียงที่แม่นยำ เพื่อสร้างประสบการณ์ทางดนตรีที่สมจริงตามเสียงเพลง ขนาดห้องห้อง หรืออารมณ์ของเพลง การตั้งค่าเหล่านี้สามารถบันทึกและเรียกใช้ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว
ลำโพง Beosound Balance ได้รับการออกแบบร่วมกับ Benjamin Hubert จากสตูดิโอออกแบบอุตสาหกรรมของอังกฤษ LAYER ลำโพงตกแต่งบ้านอย่าง Beosound Balance สามารถจัดวางให้เข้ากับชั้นวางหรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้อย่างกลมกลืน สวยงามดูดีมีราคามากๆ อัดแน่นไปด้วยคุณภาพเสียงที่โดดเด่น เสียงดีจนขนลุก นอกจากนี้ยังสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ 10 ถึง 80 ตารางเมตรกันเลยทีเดียว
นักออกแบบของลำโพง Beosound Balance ได้ใช้วัสดุที่แตกต่างและหลากหลายมาผสมผสานเข้าด้วยกัน ทำให้รูปลักษณ์ของลำโพงดูนุ่มนวลขึ้น ดังนั้นจึงกลมกลืนเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ของห้องได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและมีความร่วมสมัย ลำโพง Beosound Balance เลือกใช้ไม้โอ๊คทำเป็นฐานด้านล่าง ช่วยให้ลำโพงดูโดดเด่นและมีบอดี้เป็นรูปทรงกระบอกที่หุ้มด้วยผ้าถักอย่างไร้รอยต่อ ทำให้ลำโพง Beosound Balance ดูสวยงามจากทุกมุมมองและน่าสัมผัสอย่างปฎิเสธไม่ได้
ลำโพง Beosound Balance ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กลมกลืนเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน มี Interface แบบสัมผัสอยู่ด้านบน ซึ่งสามารถใช้ควบคุมลำโพงได้ง่ายและสะดวก เมื่อเข้าใกล้ลำโพง Interface จะสว่างขึ้นอย่างนุ่มนวล เชิญชวนให้ผู้ใช้เข้ามาใกล้และมีส่วนร่วมกับลำโพง
ใช้นิ้ววนเลื่อนไปรอบๆบริเวณด้านบน Interface เพื่อควบคุมระดับเสียง แตะที่ไอคอนเบาๆ เพื่อเปลี่ยนเพลง หยุดเพลงชั่วคราวหรือเล่นเพลงต่อ สามารถเลือกการตั้งค่าล่วงหน้าของเพลงโปรดได้ เมื่อเดินออกห่างจากลำโพง Interface จะค่อยๆหรี่ลง โดยเหลือแต่พื้นผิวอะลูมิเนียมเท่านั้น
แนวคิดเบื้องหลังการสรรค์สร้างของลำโพง Beosound Balance คือการผสมผสานความสวยงาม นวัตกรรมและเสียงอันทรงพลังมาเข้าไว้ด้วยกัน จุดประสงค์คืออยากให้ลำโพงกลมกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศภายในบ้าน – สะท้อนถึงรสนิยมของผู้ใช้ ด้วยงานฝีมือรวมถึงการเลือกนำวัสดุธรรมชาติคุณภาพสูงมาใช้
การตั้งค่า Beosound Balance เป็นขั้นตอนปกติที่ B&O ได้ทำให้สมบูรณ์แบบ ลำโพงจะแนะนำผู้ใช้ตลอดกระบวนการใช้เทคโนโลยีการชดเชยห้องแอ็คทีฟที่มีอยู่ในลำโพง ซึ่งช่วยให้วิเคราะห์เสียงของห้องได้โดยการฟังด้วยไมโครโฟนภายในและสร้างชุดตัวกรองที่กำหนดโดยผู้ใช้ซึ่งชดเชยการสะท้อนของเสียง Beosound Balance ใช้คลื่นความถี่ต่ำในการวิเคราะห์ห้อง และผลลัพธ์ที่ได้คือ B&O Signature Sound ที่ออกแบบเอง
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของลำโพง Beosound Balance ให้สมบูรณ์มากขึ้นในแบบที่คุณต้องการได้ แต่โดยปกติแล้ว ลำโพง Beosound Balance จะมีเทคโนโลยี Active room compensation technology ที่มีอยู่ในลำโพงทำงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์เสียงภายในห้องได้โดยการรับเสียงด้วยไมโครโฟนที่อยู่ภายในลำโพงและสร้างชุด Sensor ที่กำหนดโดยผู้ใช้ ซึ่งลำโพง Beosound Balance จะใช้คลื่นความถี่ต่ำในการวิเคราะห์ลักษณะของห้อง และจะชดเชยการสะท้อนของเสียง ผลลัพธ์ที่ได้คือ Bang & Olufsen Signature Sound ที่ออกแบบเองโดยผู้ใช้
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของลำโพง Beosound Balance คือเทคโนโลยี Beolink สำหรับลิงค์เสียงแบบหลายๆห้อง โดยลำโพง Bang & Olufsen Beosound รุ่นอื่นๆ ในบ้านสามารถเชื่อมต่อและเล่นเพลงเดียวกันได้ทุกที่ หรือจะตั้งค่าในกลุ่มย่อยที่เล่นเพลงหรือเพลย์ลิสต์ต่างๆ จากแหล่งที่มาเดียวกันก็ได้ ตัวอย่างเช่น กลุ่มหนึ่งอาจเป็นห้องครัวและห้องรับประทานอาหารที่เล่นสถานีวิทยุเดียวกัน ในขณะที่ลำโพงในห้องนั่งเล่นอาจจะสตรีมเพลงจาก Spotify
ลำโพงแต่ละตัวสามารถทำงานแบบ Stand alone ได้ โดยลำโพง Beosound Balance รองรับ Apple AirPlay 2 และ Google Chromecast ในตัว ซึ่งหมายความว่าถ้ายังมีการเข้าถึง Google Assistant และพูดว่า “OK Google” ลำโพง Beosound Balance จะฟังคำขอของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถจับคู่ลำโพง Beosound Balance สองตัวเข้าด้วยกันเพื่อตั้งค่าให้เป็นลำโพงแบบสเตอริโอ เป็นการยกระดับมิติของเสียงไปอีกขั้น
อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ลำโพง Beosound Balance ใช้อาร์เรย์ของตัวขับเสียงที่กำหนดค่าเฉพาะที่แตกต่างกัน มี Woofer สองตัวสำหรับสร้างเสียงเบสอันทรงพลัง แต่ไม่สั่นสะเทือน ซึ่งอาจทำให้เพื่อนบ้านไม่พอใจ ลำโพงมีโหมดเสียงที่แตกต่างกันสองโหมด – มีโหมดรอบทิศทางสำหรับการให้เสียงที่สม่ำเสมอรอบลำโพง บวกกับโหมดที่สองที่สามารถโฟกัสทิศทางของเสียงได้อย่างแม่นยำ เพื่อประสบการณ์ฟังเพลงที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้ได้ถูกถอดแบบมาจากสุดยอดลำโพงเรือธงอย่างตระกูล Beolab ของ Bang & Olufsen
ลำโพง Beosound Balance ประกอบไปด้วย Woofer สองตัว Mid range ขับเสียงกลางสี่ตัวและมี Twitter หนึ่งตัว ซึ่งแต่ละตัวมีแอมพลิฟายเออร์ Class D เป็นของตัวเอง ให้กำลังวัตต์รวม 850 วัตต์ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเหล่าวิศวกรผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
นอกจากความสามารถในการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth นอกจากนี้ลำโพง Beosound Balance ยังมาพร้อมกับ Physical inputs ที่ฐานของลำโพง มีแจ็คสัญญาณเข้า/ออปติคัล 3.5 มม. พอร์ต USB-C และพอร์ต Internet สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และเมื่อใช้เป็นสเตอริโอ สัญญาณเสียงจะถูกส่งระหว่างลำโพงสองตัวโดยใช้ตัวแปลงสัญญาณเสียง LC3 Plus ที่มีความละเอียดสูง
ตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะนำลำโพง Beosound Balance สองตัวไปทดสอบ ลำโพงติดตั้งง่าย สามารถวางตำแหน่งใดของห้องก็ได้ที่มีปลั๊กไฟ ผมวางลำโพงสองตัวให้ห่างกันมากพอประมาณ เพื่อต้องการสร้างเวทีเสียงสเตอริโอให้ชัดเจน จากนั้นลำโพงจะสแกนขนาดของห้องอัตโนมัติโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที จากนั้นก็ปรับการตั้งค่าของตำแหน่งที่วางลำโพงให้เหมาะสม เพื่อให้เสียงในห้องนั่งเล่นของผมออกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ข้อดีคือ สามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ง่ายและในระยะเวลาไม่นาน
ผมใช้ Bang & Olufsen application เป็นตัวควบคุมลำโพง ซึ่งใน Bang & Olufsen Application มีบริการ Spotify หรือ Deezer ให้เลือก แต่ยังไม่มี TIDAL หรือ Qobuz นะ ซึ่งผมอยากให้มีการรองรับเพิ่มขึ้นด้วยในอนาคต ลำโพง Beosound Balance ยังสามารถเล่นเพลงโดยใช้ DNLA จากไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ NAS (ที่เก็บข้อมูลบนเครือข่าย) ที่สามารถรองรับไฟล์ส่วนใหญ่ได้อีกด้วย
ถึงอย่างนั้น ผมก็สามารถสตรีมเพลงจากแอป TIDAL และ Qobuz บน iPhone ของผมได้นะ โดยใช้ Apple AirPlay 2 เป็นอะไรที่ฉลาดมาก ที่ลำโพงสามารถดึงการเชื่อมต่อโดยตรงจากเซิร์ฟเวอร์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเซฟสถานีวิทยุที่ชื่นชอบไว้ล่วงหน้าได้ด้วย โดยตั้งค่าไว้ที่ปุ่ม Favourite ด้านบนของ Interface เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าถึงสถานีโปรดได้โดยสัมผัสปุ่มเพียงครั้งเดียว
เสียงที่ออกมาจากลำโพง Beosound Balance มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน เรียกได้ว่าขนลุกกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมเสียงได้โดยใช้การควบคุม EQ ที่ชาญฉลาดและใช้งานง่าย และไม่ว่าผมจะเล่นเพลงประเภทไหนผ่านลำโพง Beosound Balance ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเสียงสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ
ในฐานะที่ผมเป็นแฟนของ Bang & Olufsen ผมขอแนะนำให้คุณลองฟังลำโพง Beosound Balance เพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้านเสียงที่ Bang & Olufsen ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เสียงดีมากและลำโพงก็ดูสวยงามจนคุณอดไม่ได้ที่จะหลงรักมัน ลำโพง Beosound Balance เป็นการสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม ถือว่าเป็นความประสบความสำเร็จของวิศวกรรมที่ทำให้ Bang & Olufsen เป็นที่กล่าวถึงสำหรับความเป็นเลิศด้านเสียงและการออกแบบในทศวรรษ 1970 หวังว่าพ่อของผมคงจะชอบ Beosound Balance เหมือนกัน
สรุป: ถ้าผมมีกำลังซื้อ ผมคิดว่าผมซื้อลำโพง Beosound Balance แบบหนึ่งคู่แน่นอน แล้วก็จะสมัครสมาชิกระดับ Hi-Fi ของ TIDAL อีกด้วย น่าเสียดายที่ผมไม่มีเงินสำรองมากพอ แต่ถ้าคุณมีงบประมาณพอที่จะสามารถซื้อได้ ผมขอแนะนำเลยครับ ลำโพงที่ออกแบบได้อย่างสวยงามลง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการออกแบบและความเป็นเลิศด้านเสียง ในความเห็นของผม ไม่รู้จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรเกี่ยวกับ Beosound Balance นอกซะจากฐานของลำโพง ที่แมวของคุณอาจจะมองว่าเป็นเหมือนเสาลับคมเล็บ Bang & Olufsen สามารถเรียกคะแนนและครองใจผู้บริโภคได้ด้วยลำโพง Beosound Balance ได้อย่างท่วมท้น แต่อย่าเพิ่งเชื่อคำพูดของผมนะ แนะนำให้คุณได้ลองเล่นลองสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองและลองพิจารณาดู แต่ผมมั่นใจว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
มีจำหน่ายในสี: Natural Oak, Black Oak และ Gold Tone
ข้อมูลเพิ่มเติม: ลำโพง Beosound Balance
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทุกวัน 11:00 – 20:00 น.
Beyond by Boonlapo ชั้น 3 Siam Paragon
โทร 02 125 3047 I 098 393 8077
Bang & Olufsen Flagship ชั้น 1 ICONLUXE Iconsiam
โทร 02 087 9289 I 092 996 7939
Bang & Olufsen ชั้น 1 Central World
โทร 02 050 48991 I 092 476 8938
Bang & Olufsen ชั้น 4 Central Embassy
โทร 02 000 5521 I 092 759 6988
Bang & Olufsen ชั้น 1 Emporium
โทร 02 664 8202 I 098 971 9767
Bang & Olufsen ชั้น 1 Central EastVille
โทร 02 553 6129 I 092 909 3558
ติดตามข่าวสารและพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าได้ที่
Facebook : Boonlapo
Instagram : @boonlapo_th
Line Official : @bangandolufsenth
Twitter : @BoonlapoCoLtd
TikTok : @boonlapo
LinkedIn : Boonlapo
หรือ โทรติดต่อ 093 137 8922
ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค:
Bluetooth: เวอร์ชัน 5.0
Wi-Fi: Wi-Fi/WLAN 802.11 b/g/n/ac (2.4 GHz & 5 GHz), 2×2 MIMO
บริการสตรีมมิ่ง: AirPlay 2, Beolink Multiroom, Chromecast ในตัว, Spotify Connect
บริการเพลงแบบบูรณาการ: วิทยุ Bang & Olufsen, Deezer
Input/Output: การเชื่อมต่อหลัก x1 แจ็คสัญญาณเข้า/ออปติคัล x1 Internet x1 USB-C x1
ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ: Google Voice Assistant
Remote Control: Bang & Olufsen App, Beoremote Halo
ขนาดห้องที่แนะนำ: 10-80 m² 100-800 ft²
Amplifier: 2 x 200-watt Class D for bass 2Ω, 2 x 100-watt Class D for full-range 4Ω, 2 x 100-watt Class D for full-range 4Ω, 1 x 50-watt Class D for tweeters 6Ω
ช่วงความถี่: 26 – 23,000 Hz
ระดับความดังเสียงสูงสุดที่ 1 ม.: 104 dB SPL
การจับคู่สเตอริโอ: จับคู่ Beosound Balance สองตัวเพื่อประสบการณ์เสียงแบบสเตอริโอผ่านแอพ Bang & Olufsen การจับคู่สเตอริโอของ Bang & Olufsen เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานที่เข้ารหัสโดยใช้ LC3 บวกกับตัวแปลงสัญญาณความละเอียดสูง
คุณสมบัติเสียงขั้นสูง: Active Room Compensation Adaptive Bass Linearization Beam Direction Control (สามด้าน) Beam Width Control การป้องกันความร้อน
Equalizer: ปรับแต่งเสียงได้
วัสดุ: ไม้โอ๊ค, หินคาราร่า, ผ้าถัก, อะลูมิเนียม
น้ำหนัก: 7.2 กก.
ขนาด: 20 x 38 x 20 ซม.
การใช้พลังงาน: ปกติ 100 วัตต์และสแตนด์บาย 4.5 วัตต์