DAVID LEWIS
ดีไซเนอร์ชายชาวอังกฤษเข้ามารับงานออกแบบในบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเดนมาร์กได้อย่างไร ลองอ่านประวัติเขาดู
ดีไซเนอร์ชายชาวอังกฤษเข้ามารับงานออกแบบในบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเดนมาร์กได้อย่างไร ลองอ่านประวัติเขาดู
David Lewis ได้บอกกับ Beolink Magazine ในปี 2003 ว่า “รูปแบบคือสิ่งที่ไม่มีอะไรไปมากกว่าส่วนขยายของเนื้อหา” “ใครบอกว่าลำโพงควรซ่อนตัวในมุมต่าง ๆ ถ้ายิ่งเข้าใกล้คุณมากเท่าไหร่ เสียงก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น” คำพูดนี้ค่อนข้างจะบ่งบอกว่าหัวหน้านักออกแบบของ Bang & Olufsen นั้นเกือบจะตีความถ้อยคำของนักเขียนและกวีชาวอเมริกันอย่าง Charles Olson ได้อย่างแม่นยำ โดยได้เขียนไว้ใน Projective Verse – music and poetry are, after all, both vibrating air
Lewis เกิดในสหราชอาณาจักรในปี 1939 และสำเร็จการศึกษาจาก Central School of Art ของลอนดอนในปี 1960 ย้ายไปเดนมาร์กในอีกหนึ่งปีต่อมา เขาเริ่มทำงานที่ Bang & Olufsen ภายใต้นักออกแบบในตำนานอย่าง Jacob Jensen และ Henning Moldenhawer ผลิตภัณฑ์แรกของเขาคือโทรทัศน์ Beovision 400 งานแรกๆ ของเขารวมถึงระบบ Beolab 5000 ในขณะที่เขาช่วย Jensen ด้วยการออกแบบไม้และอะลูมิเนียมสุดคลาสสิกซึ่งได้รับรางวัล iF Design Award ในปี 1967
เขาก่อตั้ง David Lewis Designers ตามแนวทางของตัวเองในปี 1982 และตลอดช่วงทศวรรษที่เหลือ การออกแบบของพวกเขากลายเป็นหัวใจสำคัญในผลงานของ Bang & Olufsen โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทก้าวไปไกลกว่าอุปกรณ์สเตอริโอและเข้าสู่ตลาดโทรทัศน์ที่เฟื่องฟู
นวัตกรรมรวมถึง MX ซีรีส์ซึ่งเป็นโทรทัศน์ชุดแรกที่ออกแบบโดย Bang & Olufsen เช่นเคย Lewis มีมุมมองที่ไม่เหมือนใคร “ด้วยวิสัยทัศน์ของเขา” Torsten Valeur ผู้ช่วยของ Lewis ได้เขียนไว้ที่สตูดิโอของเขาใน Copenhagen “เมื่อปิดทีวี ทีวีจะเป็นจุดตัดระหว่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับดวงตาที่มองเข้าไปในห้องนั่งเล่นของผู้คน และเมื่อทั้งเซตถูกปิดลง การออกแบบก็จะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฉะนั้นการออกแบบและสร้างทีวีที่มี ‘ชีวิต’ เมื่อปิดอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด ณ ตอนนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ดีกว่าตู้ปลาเปล่าๆ”
Lewis มีความคิดที่ว่าไม่ว่าผลิตภัณฑ์ใดๆ ควรมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทั้งในด้านความพึงพอใจและความทนทาน เขาเชื่อในวิวัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไป โดยการผลิตสินค้าใหม่เมื่อลูกค้าต้องการจริงๆ เท่านั้น แทนที่จะผลิตสิ่งที่มีอยู่และเปิดตัวใหม่ด้วยการโฆษณาโดยไม่จำเป็น “ทุกวันนี้มีความกดดันมากเกินไป ไม่ใช่แค่นักออกแบบเท่านั้น มันน่าผิดหวังในในสิ่งๆนี้ คุณอาจพลาดสิ่งเจ๋ง ๆ – ความคิดจินตนาการ คำอธิบายที่ดีในกระบวนการออกแบบ เพราะทุกอย่างมันผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก” Lewis กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal “เราจะไม่จินการในสิ่งที่เราทำแล้วมันไม่ทนทาน เพราะสิ่งที่เราจะทำมันจะกลายเป็นถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม”
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในแนวทางที่นักออกแบบของ Bang & Olufsen ใช้โดยมี Lewis เป็นผู้นำ แทนที่จะขังตัวเองด้วยการอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับฮัมเพลงในห้องปฏิบัติการ ทีมของเขาที่มีสมาชิก 6 คนจะประชุมกันเพียงไม่กี่วันต่อเดือน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพัฒนาแนวคิดอย่างอิสระ แรงบันดาลใจของเขามักจะมาจากการคิดอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับปัญหาของวัตถุใด ๆ ก็ตาม รวมถึงการไปเยี่ยมชมหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ และตัวแทนจำหน่ายของเก่าของเดนมาร์กที่เชี่ยวชาญด้านเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบสถาปัตยกรรมในช่วงกลางศตวรรษ
ณ เวลานั้น พวกเขาจะไม่สนใจการออกแบบดิจิตอลเกือบทั้งหมด – Lewis เคยปฏิเสธคอมพิวเตอร์ว่า “ยิ่งเราถูกห้ามไม่ให้ทำอะไร, มันก็ยิ่งกลายเป็นว่าเราถูกไม่ให้ทำอะไร” เขาชอบปล่อยให้ปัญหาคลี่คลายด้วยตัวของมันเอง ในขณะที่เขานั่งอยู่กับชิ้นส่วนของกระดาษแข็ง กระดาษและพลาสติก และออกแบบโดยการสร้างแบบจำลอง หรือวางมันไว้ตามแนวทางปฏิบัติด้านประติมากรรม
Lewis พร้อมที่จะยืนหยัดเพื่อรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ของ Bang & Olufsen ไม่เคยที่จะทำให้สุนทรียภาพนั้นลดลง เช่น ในปี 2546 Torben Ballegaard Sorensen ซีอีโอของ Bang & Olufsen ขอให้ Lewis เพิ่มความลึกของทีวี Beovision MX 8000 อีกสองสามเซนติเมตร ผู้ออกแบบปฏิเสธและซีอีโอก็ยอม “ถ้าฉันชนะ – ถ้าฉันสามารถบังคับการตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย – ฉันจะทำลายความสมบูรณ์ของการออกแบบที่ทำให้เราได้ผลประโยชน์” Sorensen บอกกับนิตยสาร Fast Company ในปี 2546ความคิดเห็นที่แน่วแน่นี้มีข้อดีเช่นกัน บ่อยครั้งเป็นการบีบบังคับนั้นเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในด้านวัสดุและวิศวกรรม อย่างเช่น การเริ่มต้นใช้เพชรเพื่อเจียระไนอะลูมิเนียม
เช่นเดียวกับ Jacob Jensen ที่ปรึกษาของเขา ผลิตภัณฑ์ของ Lewis ได้รับถูกเลือกให้เข้าไปรวมอยู่ใน The Permanent Collection ของ Museum of Modern Art in New York (MoMA) ซึ่งส่วนของเขา การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ถูกเลือกคือเครื่องบันทึกวิดีโอ Beovox 5000, Beovox Cona Booster และ Active Speakers Beolab 6000
ย้อนกลับไปในการสัมภาษณ์ในปี 2003 Lewis ได้พูดถึงแก่นของปรัชญาที่นำไปสู่ความร่วมมือที่ยาวนานและประสบความสำเร็จกับบริษัทว่า “ฉันเชื่อว่าการที่คุณทำอะไรให้มันซับซ้อนน้อยลง มันยิ่งจะทำให้ผู้คนนั้นสนใจที่จะไขว่คว้ามัน” เขากล่าว “เราควรมาทำอะไรให้มันเข้าใจได้ง่ายและลดความซับซ้อนด้านเทคโนโลยีกันดีกว่า กลับไปสู่ชุดไอเดียดั้งเดิมที่เราเคยสร้างสรรค์ ไอเดียดั้งเดิมที่เป็นแนวทางให้เรามาตลอดของ Bang & Olufsen”