ประวัติ Beolab
เมื่อ Hi-Fi ถือกำเนิดขึ้น (Hi-Fi คือโหมดการเล่นเพลงที่สมบูรณ์แบบโหมดหนึ่ง) เริ่มแรก คำว่า Beolab ใช้สำหรับเครื่องขยายเสียง ในยุค 60 และ 70 แอมพลิฟายเออร์จะแยกออกจากเครื่องขยายเสียง ซึ่งเป็นส่วนที่ซับซ้อนอย่างมากของการติดตั้งวิทยุและลำโพงเข้าไปเชื่อมต่อกันการแข่งขันที่เข้มข้นจากผู้ผลิตในญี่ปุ่นที่ต้องการความชัดเจนว่า Bang & Olufsen ไม่ได้มีเพียงการออกแบบและรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเพิ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปอีกด้วย ในช่วงเริ่มต้นของการเพิ่มระบบ Hi-Fi วิศวกรของ Bang & Olufsen ได้เริ่มพัฒนาระบบ Hi-Fi ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
– ในซีรีส์ของ Beolab 5000 ในปี 1967 โดยสรุปไว้ว่า การสร้างรูปแบบ Hi-Fi แบบยุโรปซึ่งสื่อสารถึงพลัง ความแม่นยำ และ ตัวตน ในชื่อ Beolab
– Beolab มาจากห้องปฏิบัติการ Bang & Olufsen (Beo) + (Laboratories) = Beolab
– นอกจากนี้ นักออกแบบ Jacob Jensen ยังได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ และได้ทำสไลด์บอกถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบ Beolab 5000 ของเขา
ลำโพงแนวตั้ง
Beolab Penta – ลำโพงแนวตั้งตัวแรกวันนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่าลำโพง Beolab Penta นั้นเป็นลำโพงที่มีพลังเสียงมากเพียงใดในปี 1986 ในขณะนั้น ลำโพงธรรมดาในบ้านของคุณเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ทำจากไม้ นี้คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญจาก Bang & Olufsen พูดแต่วิศวกรของ Bang & Olufsen ได้เข้าร่วมในโครงการวิจัยขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า ‘Archimedes’ และพบว่าการออกแบบในรูปทรงกล่องจะทำให้เสียงสะท้อนไปที่เพดานและพื้น ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพเสียงในทางลบ พวกเขาเริ่มวิจัยบนหลักการที่มีความถี่สูงและกลางเพื่อให้ส่งไปยังผู้ฟังเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงสะท้อนที่จะเกิดขึ้นข้อมูลของการวิจัยนำไปสู่การออกแบบที่จะทำให้ลำโพงเปรียบเสมอเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เอาไวตกแต่งในห้องนั่งเล่น เราทำการจัดว่างองค์ประกอบของลำโพงภายในตัวลำโพงเป็นพิเศษเพื่อให้เสียงเน้นไปทางผู้ฟังให้มากที่สุด และได้ออกแบบให้มีดีไซน์เป็นเสาห้าเหลี่ยมเพื่อช่วยลดการสะท้อนและการสั่นสะเทือน ภายในตัวลำโพง
ลำโพง Beolab รุ่นแรก
ด้วยลำโพงกึ่งแอคทีฟตัวแรก – Beolab Penta – แอมพลิฟายเออร์ยูนิตถูกย้ายออกจากจูนเนอร์และถูกวางไว้ภายในลำโพงแนวตั้งเป็นครั้งแรก ตามด้วย Beolab Penta การออกแบบลำโพงที่เป็นแอคทีฟอย่างเต็มที่ โดยที่ตัวขับเคลื่อนแต่ละยูนิตมีแอมพลิฟายเออร์อยู่ในตัว แอมพลิฟายเออร์ไม่จำเป็นต้องแยกออกจากลำโพงอีกต่อไป คำว่า Beolab ใช้สำหรับพูดถึง Active speakers ทั้งหมดเพื่อให้ง่ายต่อการแยกแยะจากลำโพงแบบ Passive (Beovox)
การขยับเครื่องขยายเสียงให้เข้าใกล้ชุดลำโพงมากขึ้น
ในความพยายามที่จะสร้างลำโพงที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างแท้จริง วิศวกรต้องการลดระยะห่างจากแอมพลิฟายเออร์เพื่อให้ไปอยู่ใกล้ตัวกับตัว Driverในสมัยนั้น แอมพลิฟายเออร์เป็นสิ่งที่แยกจากตัวลำโพงซึ่งต้องมีสายต่อผ่านจากตัวลำโพงไปยังตำแหน่งที่อยู่ข้างๆ วิทยุ โดยการวางแอมพลิฟายเออร์ไว้ใกล้กับไดรเวอร์ยูนิต จะทำให้ระยะการต่อสายเคเบิลลดน้อยลง ใน Beolab Penta เครื่องขยายเสียงถูกวางไว้ที่ส่วนท้ายของแต่ละ Speaker ที่อยู่ภายในตัวลำโพง
ให้เครื่องเสียงเสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นโปรดภายในบ้าน ตัววัสดุสะท้อนแสงให้ความรู้สึกหรูหราไม่เหมือนใครราคาแพงแต่คุ้มค่า
นอกจากการนำเสียงไปสู่ผู้ฟังแล้ว การออกแบบคอลัมน์ก็ยังทำให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก ด้วยการออกแบบลำโพงในพื้นผิวสแตนเลสสะท้อนแสง ลำโพงจะดึงสีสันจากสภาพแวดล้อมและผสมผสานให้เข้ากับรูปแบบภายในห้องนั้นๆได้เป็นอย่างดี นักออกแบบ Lone และ Gideon Lindinger-Löwy เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบที่เป็นรูปแบบใหม่นี้ ซึ่งทำให้ลำโพงไม่จำเป็นต้องอยู่ติดผนังอีกต่อไปแต่สามารถเอาไปไวในห้องต่างๆ ได้เพราะดีไซน์ที่ออกแบบมาเปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์และยังเป็นครั้งแรกที่เราออกแบบมาเป็นแบบนี้ มีความเพรียวบางเหมือนรูปปั้นของ Giacometti และอิงตามหลักการของแหล่งกำเนิดเสียงแบบอะคูสติก Penta มีเสียงเบสที่ทรงพลังเป็นพิเศษ
ราคาแพงแต่คุ้มค่า
ในขณะนั้น ผู้ค้าปลีกของ Bang & Olufsen จำนวนมากคิดว่า Beolab Penta จะไม่มีวันสร้างมันขึ้นมา ราคานั้นมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก รวมถึงการออกแบบก็มีความโดดเด่นเป็นพิเศษมากๆในยุคสมัยนั้น แต่แน่นอนว่าเวลาได้พิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิดทั้งหมด และแม้กระทั่งทุกวันนี้มีผู้ที่สนใจจำนวนมากและทั่วโลกเรียก Beolab Penta ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับวงการลำโพง
ลำโพงแนวตั้งที่ได้รับความนิยม
ตั้งแต่นั้นมาการออกแบบลำโพงแบบแนวตั้งของ Bang & Olufsen ได้รับความนิยมหลายตัว รวมถึง Beolab 8000, 6000, 8002 และ 6002, Beolab 1 และ Beolab 18 และปัจจุบันเป็นการออกแบบลำโพงที่เป็นที่นิยมได้มากที่สุดตลอดกาล
Beolab 8000 ราวกับนักบัลเล่ต์ที่เขย่งปลายเท้า
Beolab 8000 เป็นลำโพงแนวตั้งแบบแอกทีฟเต็มรูปแบบตัวแรกที่เปิดตัวในปี 1992 เป็นลำโพงที่มีลักษณะเพรียวบางขนาดกะทัดรัดสำหรับวางบนพื้น Beolab 8000 ออกแบบโดย David Lewis ผู้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากไปป์ออร์แกนที่เขาพบในตลาดนัด เป็นสัญลักษณ์ของทั้งดนตรี แต่ยังมีความเบา และยังถือได้ว่าการออกแบบสวยงามเหนือกาลเวลา ถือว่าเป็นลำโพงรุ่นที่มีศักยภาพมากๆรุ่นหนึ่งในบ้านของคุณ
เงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการออกแบบนี้ได้คือการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สำหรับลำโพงคอลัมน์ที่แอ็คทีฟอย่างเต็มที่ Beolab 8000 กลับใหม่ในปี 2016 ใน Beolab 18 ซึ่งเป็นมีเสียงที่น่าดึงดูดซึ่งมีเลนส์อะคูสติกและแผ่นไม้อันดูหรูหราที่ด้านหน้า โดยอิงจากเอ็นจิ้นเสียงดิจิตอลใหม่ มีโมดูลไร้สายในตัว ดังนั้น Beolab 18 สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องส่งที่ตรงตามมาตรฐาน WiSA โดยไม่ต้องใช้สายลำโพง การรวม Beolab 18 เข้ากับ Beosound Core ชี้ให้เห็นถึงอนาคตของการเข้าถึงแหล่งสตรีมมิ่งทั้งหมด – ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi หรือ Bluetooth – ในการออกแบบที่โดดเด่นซึ่งดูเหมือนจะคงอยู่ตลอดไป
รูปลักษณ์ภายนอกอาจไม่สำคัญแต่ส่งผลกระทบ
นี่คือแก่นแท้ของ Beolab 6000 ซึ่งเป็นผลมาจากการประดิษฐ์ที่ Dolby Laboratories ในสหรัฐอเมริกา หลังจากการเดินทางไปศึกษาดูงานที่สหรัฐอเมริกาเพื่อเยี่ยมชม Dolby Laboratories, Boston Medialab, Epcot center, Hollywood และ Lucasfilm เป็นที่ชัดเจนว่าทีมออกแบบที่ Bang & Olufsen จะใช้ระบบเสียงแบบหลายช่องสัญญาณและโฮมเธียเตอร์สำหรับบ้านเป็นอนาคต เรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม การมีลำโพงมากถึงห้าตัวในห้องนั่งเล่นของคุณนั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข
Beolab 6000
นักออกแบบอย่าง David Lewis ได้พัฒนา Beolab 6000 จากแนวคิดของลำโพงที่ส่งสัญญาณเส้นบางๆ ซึ่งเป็นเส้นที่สามารถส่งสัญญาณซ้ำได้หลายครั้ง มันเป็นงานที่ยากเพราะว่าความพิเศษที่ตั้งใจใส่ลงไป
การใช้อลูมิเนียมกับลำโพง
ตั้งแต่นั้นมาผลลัพธ์ที่ได้คืออลูมิเนียมขัดเงาแบบบางที่มีผ้าสีดำอยู่ด้านหน้าของลำโพง การใช้อลูมิเนียมกับลำโพงก็ได้ถูกนำไปใช้กับทางเลือกอื่นๆอีกมากมาย เพื่อประโยชน์และความสามารถในการผสมผสานให้เข้ากับภายใน เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง บางและน้ำหนักเบา ทำให้อลูมิเนียมเป็นวัสดุที่ชื่นชอบของทั้งนักออกแบบและวิศวกรด้านเสียงตั้งแต่นั้นมา เพราะว่าสามารถออกแบบได้ง่าย
ลำโพงขนาดกะทัดรัด
การออกแบบลำโพงขนาดกะทัดรัด
ความขัดแย้งระหว่างประสิทธิภาพและการออกแบบได้รับการแก้ไขในหลายวิธี Bang & Olufsen พยายามสร้างลำโพงสำหรับชั้นวางหนังสือที่สามารถวางได้เกือบทุกที่ อย่างไรก็ตาม แอมพลิฟายเออร์ในตัวของลำโพงมักจะปล่อยความร้อนมากเกินไป จึงยังไม่ได้รับการอนุมัติ ดีไซเนอร์อย่าง David Lewis แก้ปัญหานี้ด้วยการผสานแผงระบายความร้อนในการออกแบบโดยใช้รูปทรงเรขาคณิตที่ช่วยให้ระบายความร้อนจากพื้นผิวโค้งขนาดใหญ่ได้
จัดวางได้หลากหลายตำแหน่ง
Beolab 4000 มีข้อดีที่ไม่เหมือนใครมากมาย เนื่องจากการออกแบบโค้งทำให้มีตัวเลือกการจัดวางที่หลากหลาย – บนชั้นวาง วางบนพื้น หรือในมุมต่างๆ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา Beolab 4000 ยังเปิดตัวด้วยสีที่หลากหลาย จุดเด่นนี้ทำให้การออกแบบ Beolab 4000 มีอายุการใช้งานยาวนานมาก ยังคงใช้รูปแบบนี้ไปในลำโพง Beolab 17 โดยนำแนวคิดเชิงแนวคิดลำโพงอเนกประสงค์ที่มีตัวเลือกในการจัดวางที่มากมายตามยุคสมัยใหม่
Beolab 3 – กะทัดรัดแต่ทรงพลัง
Beolab 3 ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานการออกแบบที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้สมบูรณ์แบบ ความตั่งใจของนักออกแบบในการทำให้สิ่งเล็กๆให้ดูออกมายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมากที่จะทำให้ได้เสียงเบสมีพลังมากพอในลำโพงขนาดที่มีขนาดเล็กและยังสามารถติดตั้งไว้ที่ใดก็ได้
Beolab 3
Beolab 3 มีอยู่ที่สององค์ประกอบหลัก ลำโพงขนาดกะทัดรัดที่ผสมผสานรูปทรงของทรงกลมและลูกบาศก์ และเลนส์อะคูสติกที่ด้านบน
โครงสร้างลำโพงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากเป็นการผสมผสานระหว่างชุดลำโพงแบบ Active และ Passive เข้าไว้ด้วยกัน รูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากซับวูฟเฟอร์ขนาดเล็กกะทัดรัดที่ประสบความสำเร็อย่าง Beolab 2 ที่เปิดตัวเมื่อสองสามปีก่อน ที่มีความโดดเด่นด้วยไดรเวอร์รูปแบบแปลกใหม่Beolab 3 มีเทคโนโลยีเลนส์อะคูสติก แอมพลิฟายเออร์ ICEpower ที่ออกแบบเอง สามารถปรับประสิทธิภาพเสียงเบสให้เข้ากับสภาพแวดล้อมด้วยสวิตช์กดแบบแมนนวล – การเรียนรู้ทั้งหมดมาจากการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีอะคูสติกล้ำสมัยที่พัฒนาขึ้นสำหรับ Beolab 5 ถึง ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
การออกแบบภายใน
นักออกแบบสร้างคุณธรรมจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมากมาย แทนที่จะซ่อนไว้ในตัวลำโพง เขาจึงเอาออกมาให้คนได้เห็นถึงเทคโนโลยี่ และออกแบบรูปลักษณ์อันทรงพลังงซึ่งเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบออกมาเป็นประสิทธิภาพที่น่าประทับใจด้วยการออกแบบที่กะทัดรัดและตัวเลือกขาตั้งที่หลากหลาย การวางบนพื้น ติดบนผนัง หรือบนเคาน์เตอร์ Beolab 3 กลายเป็นลำโพงที่สมบูรณ์แบบในการตั้งค่าเสียงเซอร์ราวด์ – ไม่ว่าจะอยู่ในจุดไหนหรือตำแหน่งไหน ก็ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม เป็นลำโพงที่เจ้งและกะทัดรัดให้ประสิทธิภาพเสียงที่น่าประทับใจด้วยพลังและความแม่นยำ
ลำโพงดิจิตอล
Beolab 5 – ก้าวสู่ดิจิทัล
ความตั้งในการทำสำหรับลำโพงดิจิตอลทั้งหมดของ Bang & Olufsen นั้นมีความตั้งใจที่สูง จึงทำให้ลำโพงเป็นลำโพงอัจฉริยะที่ให้เสียงที่ใสสะอาดและสามารถตกแต่งห้องได้ การนำเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมาใส่เข้าไปในตัวลำโพงและอัลกอริธึมขั้นสูงช่วยให้ช้วยให้คุณควบคุมเสียงได้มากขึ้น
Dalek สิ่งที่อยู่เหนือความงดงาม
เป็นเทคโนโลยีมาก่อนยุคที่ซึ่งนักออกแบบ David Lewis ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการทดสอบการฟัง ประสบการณ์ของเขาอธิบายไว้ดังนี้”สร้างไม้และองค์ประกอบอีกจำนวนหนึ่ง ดูค่อนข้างแปลกและไม่ปะติดปะต่อ รูปร่างก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการทดสอบการฟัง ฉันรู้สึกทึ่งกับความจริงที่ว่าการสร้างเสียงนั้นมีคุณภาพมาก ความพยายามของฉันคือการออกแบบที่เน้นเทคโนโลยี และความท้าทายคือการเพิ่มระดับเสียงเบสให้หนักแน่นและให้เสียงที่นุ่มนวล โดยการวางชุดเสียงเบสที่ฐานของลำโพงและหันลงด้านล่าง ให้เป็นรูปทรงกรวย เลนส์อะคูสติกในครึ่งบนของลำโพงเพิ่มความเบาให้กับลำโพงจึงมีน้ำหนักแค่ 61 กิโลกรัม”หากปราศจากข้อมูลสร้างสรรค์ของ David Lewis และเทคโนโลยีขนาดกะทัดรัดที่ให้อิสระแก่วิศวกร ลำโพงก็จะมีขนาดเท่ากับลำโพงทั่วไปอ้างอิงจากข่าวที่รีวิว Beolab 5 หลังจากนั้น การออกแบบของเขาให้ความหมายกับคนที่ทำซีรี่วิทยาศาสตร์ชุด Dr Who ของอังกฤษ
แหล่งรวมนวัตกรรมเทคโนโลยีจากการศึกษาวิจัย
Beolab 5 เราได้จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายที่วิศวกรเสียงใช้มาหลายปี ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 Bang & Olufsen เข้าร่วมโครงการวิจัยของ Archimedes ซึ่งพบว่าการจัดวางห้องและการจัดวางลำโพงมีผลอย่างมากต่อประสบการณ์การฟัง ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเสียงสะท้อนจากพื้นและเพดานมีส่วนทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการ เพื่อนำเสนอผู้ฟังด้วยเสียงที่เคลียร์ใสและเป็นธรรมชาติ การค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ
แนวทางใหม่สู่จุดที่ดีที่สุดสำหรับคุณกับแก็งเพื่อน
Beolab 5 เป็นผลิตภัณฑ์แรกที่นำเสนอเทคโนโลยีเลนส์อะคูสติก (ALT) ซึ่งเป็นดีไซน์เฉพาะตัวสำหรับตัวขับเสียงสูงและเสียงกลาง โดยให้การกระจายเสียงที่กว้าง 180 องศา และการสะท้อนเสียงที่รบกวนจากพื้นและเพดานก็ลดลงอย่างมาก เทคโนโลยีนี้ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากหลายๆ ที่ ดังที่ Tonmeister กล่าวไว้ว่า “นี่คือลำโพงสำหรับคนที่มีเพื่อน ลำโพงระดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่ให้เสียงออกมาแค่จุดและเหมาะสำหรับฟังคนเดียว”
การประดิษฐ์ ABC
ในพื้นที่ความถี่สูง เราพบว่าเทคโนโลยี Acoustic Lens ใช้งานได้ดี แต่ในความถี่ของเสียงเบส มีค่อนข้างมีปัญหา คลื่นเสียงเบสเป็นแบบรอบทิศทาง คุณจึงไม่สามารถระบุได้อย่างแท้จริงว่ามาจากที่ใด ของห้องและการจัดวางลำโพงก็มีความสำคัญต่อประสบการณ์เสียงเบส ในการเพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบส เราจำเป็นต้องควบคุมองค์ประกอบเหล่านี้ ในทุกตำแหน่ง ในการทำเช่นนี้ Bang & Olufsen ได้คิดค้น Adaptive Bass Control (ABC) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ลำโพงสามารถตรวจสอบลักษณะของห้องหรือพื้นที่ ที่วางลำโพง และกำหนดตำแหน่งการกระจายเสียง
ผู้พูดรู้ว่ามันควรอยู่จุดไหนในห้อง
จากข้อมูลนี้ Beolab 5 จะปรับเเสียงตัวเองแบบดิจิทัลเพื่อให้แน่ใจว่าจะสร้างเสียงเบสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ เสียงเบสแบบยิงลงขนาด 15 นิ้ว ส่งสัญญาณเสียงและวัดค่าที่กลับมา ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถวางลำโพงไว้ในตำแหน่งที่คุณต้องการในห้องได้ และให้ ABC ปรับให้เข้ากับตำแหน่งนี้ กระบวนการปรับเทียบเปิดใช้งานโดยกดปุ่ม “invisible” ที่ด้านบนของลำโพง ด้วยแอมพลิฟายเออร์ ICEpower สี่ตัวให้กำลัง 2,500 วัตต์ต่อลำโพง ขนาดของห้องจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพื่อพิสูจน์ประเด็นนี้ การเปิดตัว Beolab 5 ได้เกิดขึ้นจริงในคอนเสิร์ตฮอลล์
โชว์ความเป็นตัวตน
เพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับเทคโนโลยี
ตั้งแต่การออกแบบครั้งแรกของ Bang & Olufsen ในปี 1925 ไม่ได้กลายเป็นวัสดุที่เราเลือกใช้
ยังไงก็สไตล์สแกนดิเนเวียน
ตั้งแต่การออกแบบครั้งแรกของ Bang & Olufsen ในปี 1925 ไม่ได้กลายเป็นวัสดุที่เราเลือกใช้ ไม้มีการใช้มาเป็นเวลาหลายพันปีในฐานะวัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ สำหรับเราแล้ว วัสดุดังกล่าวแสดงถึงความอบอุ่นและมีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ากับโลหะ แก้ว และพลาสติก และเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติที่ทำให้เวลามองแล้วมีความรู้สึกเปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ และสามารถเข้ากับเทคโนโลยีของเรา
ความทนทานและความแข็งแกร่ง
ไม้เป็นส่วนสำคัญของการออกแบบสถาปัตยกรรมและเฟอร์นิเจอร์ของชาวนอร์ดิก มาโดยตลอด และความสนใจในการออกแบบในแนวทางใหม่และสร้างสรรค์ผลงานอันล้ำค่า การออกแบบช่วยเพิ่มลักษณะเฉพาะ ช่วยให้มีรูปร่างและการใช้งานที่หลากหลาย ให้ความทนทานและความแข็งแกร่งโดยเป็นธรรมชาติ
ความยั่งยืน
ในฐานะบริษัทที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน เราทำงานกับวัสดุจากธรรมชาติที่มีคุณภาพที่สูง รวมทั้งไม้หลายประเภท เช่น วอลนัท เมเปิล และโอ๊ค ไม้ทั้งหมดมีคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์จำนวนมากของเราจึงมีตัวเลือกในการปรับแต่ง ช่วยให้คุณเลือกประเภทไม้ที่เหมาะกับลำโพงของคุณได้
ในสิ่งที่เป็นคุณ
เมื่อเราตัดสินใจจะทำลำโพงแบบในรูปแบบใหม่ของ Bang & Olufsen เป็นครั้งแรก คำถามไม่ได้อยู่ที่ “เราจะสร้างอะไรดี” แต่คำถามคือ “เราต้องการให้เสียงออกมาเป็นอย่างไรเมื่อคุณนั่งฟังเพลง” และเพื่อตอบคำถามนั้น เราจึงต้องออกไปนั่งและทดลองฟังลำโพงทุกรุ่น เราออกไปฟังลำโพงของ Bang & Olufsen และลำโพงของคู่แข่ง ไปจนถึงในระดับที่คนส่วนใหญ่ผู้คนส่วนใหญ่สามารถจับต้องได้จนไปถึง จอภาพในสตูดิโอ และลำโพงสำหรับสตูดิโอ และเรากลับมาพร้อมกับรายการคุณสมบัติมากมายของลำโพงที่เราได้ไปทำการทดลองฟังมา ลำโพงตัวหนึ่งที่เราได้ยินนั้นมีเสียงเบสที่ดีมาก อีกคนมีช่วงกลางที่ดีจริงๆ อีกตัวหนึ่งสามารถทำให้คุณเข้าถึงได้อย่างแท้จริงจนคุณไม่สามารถละความสนใจได้เมื่อคุณฟัง อีกลำโพงก็มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ไม่ว่าจะเอาไปว่างไว้ตรงไหนของห้อง เอกลักษณ์ของเสียงที่ตัวลำโพงทำออกมาได้ ก็จะไม่เปลี่ยนไป ดังนั้นเราจึงได้เขียนสิ่งที่เราต้องการออกมาเพื่อจะนำเอาไปใส่ในลำโพงรุ่นใหม่นี้ แล้วคำถามก็เราจะเอาทุกสิ่งที่เราต้องการมาประกอบรวมกันเป็นลำโพงรุ่นใหม่ได้อย่างไร นั่นหมายความว่าจะต้องสามารถเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือดีไซน์ของตัวลำโพงได้ด้วยเช่นกัน เพราะเราต้องการความชัดเจนของคำพูดเพื่อให้คุณเข้าถึงอารมณ์ตอนคุณนั่งฟังข่าวหัวค่ำในทุกๆคืน หรือให้อารมณ์ที่สมจริง เมื่อคุณกำลังรับชมภาพยนตร์ หรือเปิดเพลงในงานปาร์ตี้ ก็จะทำให้สนุกยิ่งขึ้น คุณสมบัติที่เราได้เขียนออกมานั้นไม่ได้มีไว้สำหรับลำโพงเพียงตัวเดียว แต่เป็นลำโพงที่ได้รวบรวมเอกลักต่างๆที่มากมายและพัฒนาเอกลักหรือองค์ประกอบจนลงตัวและออกมาเป็นลำโพงที่ไม่เหมือนใครและคุณยังสามารถใช้งานตามสไตล์ที่คุณต้องการได้
ทรงพลังและแม่นยำ อัดแน่นด้วยความรู้ทางด้านเสียงที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของเรา
BeoLab 90 มีตัวขับลำโพง Scan-Speak ที่ล้ำสมัยถึง 18 ตัว วางในตำแหน่งและทิศทางที่กำหนดไว้อย่างดี เพื่อมอบประสิทธิภาพเสียงที่สูงที่สุดลำโพงตั้งพื้นประกอบด้วยเครื่องขยายเสียงที่มีระบบ ICEpower รุ่นล่าสุดจำนวน 14 ช่อง ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขนาดกะทัดรัดแต่มีประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาโดย Bang & Olufsen และแอมพลิฟายเออร์คลาส D เพิ่มเติมอีก 4 ตัว ทั้งหมดปรับแต่งมาสำหรับ BeoLab 90 โดยรวมแล้ว แอมพลิฟายเออร์ที่มีกำลังส่งมอบได้ ถึง 16,400 วัตต์ต่อลำโพง Beolab 90 หนึ่งคู่
ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับ Lifestyle
เป้าหมายของเราเมื่อเราสร้างลำโพงคือ เมื่อคุณนั่งอยู่ในบ้านกับลำโพงของ Bang & Olufsen คุณควรได้ยินอย่างสมจริงและมีรายละเอียดที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เหมือนกับวิศวกรที่บันทึกเสียงหรือได้ยินเสียงของศิลปินในห้องสตูดิโอ แน่นอนว่ามันทำให้เราพบกับความท้าทายที่มากมาย เราไม่รู้ว่าคุณกำลังนั่งอยู่จุดไหน เราไม่รู้จักขนาดห้องของคุณ แน่นอนว่าห้องของคุณไม่เหมือนกับสตูดิโอบันทึกเสียง ดังนั้นลำโพงของเราจึงไม่ควรเหมือนกับลำโพงที่ต่อกับเครื่องมอนิเตอร์ในสตูดิโอ แต่ถ้าเรายิ่งรู้ถึงขนาดห้องของคุณหรือจุดที่คุณต้องการจะติดตั้งมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งจะทำให้ลำโพงออกมามีคุณภาพมากขึ้นเท่านั้น โดยพื้นฐานแล้ว เป้าหมายของเราคือการสร้างลำโพงที่สามารถใช้งานได้ดีกับห้องของคุณ และการผสมผสานระหว่างลำโพงของเราให้เข้ากับห้องของคุณจะทำให้ได้ผลลัพธ์ดี เช่นเดียวกับลำโพงที่มีมอนิเตอร์คอยควบคุมเสียงอย่างในสตูดิโอ ซึ่งอาจต้องใช้ลักษณะที่แตกต่างกันในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นถ้าคุณนั่งตรงกลางระหว่างลําโพงทั้งสองในตําแหน่งที่เหมาะสม เราสามารถออกแบบลำโพงเพื่อให้สามารถเข้ากับห้องและตำแหน่งการฟังได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าในห้องของคุณกําลังจัดปาร์ตี้ หรือคุณเป็นคนมีเพื่อนจํานวนมากที่ชอบฟังเพลงด้วยกัน เราอาจกําหนดให้เราทําสิ่งที่แตกต่างเพื่อชดเชยผลกระทบทางเสียงของห้องที่คุณอยู่ตามแต่สถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไปได้ ดังนั้นแนวคิดของ Beolab 90 คือ มันควรจะสามารถรู้ลักษณะของห้องในตําแหน่งที่คุณนั่งอยู่ และสามารถปรับให้รูปแบบเสียงออกมาดีที่สุด และเพื่อให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่จะทําได้
อังเดร โพลไฮม์ อธิบายถึงกระบวนการออกแบบ
มันอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนที่สุดที่เราเคยทํามา มันเริ่มต้นด้วยอะไรที่เรียบง่าย เราต้องการสร้างลําโพงแบบใหม่ที่ล้ำอนาคตของเสียง นั้นคือสิ่งที่พวกเขาพูดถึงในการบรรยาย การสรุปนี้มาพร้อมกับต้นแบบของเสียงที่สามารถเคลื่อนที่ไปทั่วทั้งห้องได้ดี มันเป็นประสบการณ์การฟังที่พิเศษ ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่า มันจะต้องมีประสิทธิภาพในระดับที่เท่ากับประสบการณ์การมองเห็นที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อมองไปที่ Beolab 90 วันนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแนวคิดนี้ได้บรรลุเป้าหมายไปแล้ว มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของเสียงที่ดีที่สุด แต่ลองนึกมองย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ หลังจากได้รับบทสรุป เมื่อเราเริ่มต้นด้วยกระดาษขาวเพียงแผ่นเดียว เรื่องราวของการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน มาพร้อมความเป็นไปได้และกลายเป็นความสำเร็จ การทำงานกับหลักการนี้ทำให้เราสามารถสร้างลำโพงอะคูสติกแบบ 360 องศาได้โดยเปลี่ยนรูปลักษณ์จากทุกมุมมอง การออกแบบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาให้เข้ากับยุคสมัย
บางครั้งข้อมูลเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดไอเดียที่ดี ผู้หญิงคนหนึ่งถูกถามเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ในผลิตภัณฑ์ระหว่างการทดลองกับลูกค้า เธอบอกเราว่า มีผลิตภัณฑ์วิเศษอย่างหนึ่งในบ้านของเธอ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เธอชอบโคมแชงเดียเลียตรงโถงทางเข้าของเธอมาก เธอชอบที่รูปลักษณ์ที่สามารถเข้าได้กับทุกห้องและสวยงามในทุกช่วงเวลาต่างๆ ของวัน นี่คือสิ่งที่เธอพูด เราจึงได้ไอเดียและตัดสินใจที่จะออกแบบ “การออกแบบที่เปลี่ยนไป” เพื่อสะท้อนบุคลิกเพื่อให้ ประสบการณ์ที่เปลี่ยนไปไม่เพียงแค่เสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรูปลักษณ์ด้วยBeolab 90 จะเปลี่ยนประสบการณ์เสียงด้วยปลายนิ้วของคุณทั้งหมดในแอป B&O และสามารถควบคุมจากทุกจุดภายในห้อง สิ่งนี้สะท้อนถึงบุคลิกของ Beolab 90 ด้วยประสบการณ์การฟังที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
การสร้างเอกลักษณ์เสียง
จากแค่ความคิดสู่ความเป็นจริง
สำหรับการพัฒนา Beolab 90 นั้นค่อนข้างแปลกในช่วงท้าย งานปกติของฉันคือตอนที่เรากำลังสร้างลำโพง Beolab 90 เพื่อให้ฟังการฟังเสียงเข้ากับห้องต่างๆได้ และเพื่อค้นหาว่ามีอะไรที่ยังไม่สมบูรณ์อยู่รึไม่ โดยพื้นฐานแล้วการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานเพื่อพยายามแก้ไขปัญหาที่เราพบ สำหรับ Beolab 90 มันแตกต่างออกไป เพราะในตอนท้ายที่ฉันนั่งฟังเพลง ดูภาพยนตร์ และฉันได้ทุกอย่างที่ฉันคาดไว้ ฉันได้รับเสียงในส่วนล่าง ฉันได้รับรู้ถึงความกว้างขวางของเสียงที่ฉันคาดหวังจากการฟังเพลงและดูหนัง และนั่นเป็นเรื่องจริงไม่ว่าฉันจะฟังในห้องที่เราทดสอบ หรือในห้องนั่งเล่นปกติ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขามีสิ่งพิเศษและนั่นเป็นความสุขที่ได้ทำงานด้วย มันวิเศษมากที่ได้กลับมาทำงานและฟังเพลงอีกครั้งแทนที่จะทำออกมาเป็นเพียงแค่ฟังลำโพงคู่หนึ่ง ในท้ายที่สุด สำหรับฉัน มันง่ายที่จะพูดว่า Beolab 90 เป็นลำโพงที่ดีที่สุดที่ Bang & Olufsen เคยทำมาอย่างไม่ต้องสงสัย
การชดเชยเสียงสะท้อนและรูปแบบเสียงที่พุ่งตรงเข้าหาผู้ฟัง
ลำโพง Beolab 90 มีคุณสมบัติหลักสองประการที่จะช่วยให้เอฟเฟกต์เสียงที่ออกมาจากตัวลำโพงภายในห้องของคุณและยังช่วยกระจายเสียงไปในพื้นที่ต่างๆภายในห้องของคุณได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะวางลำโพงในไหนตำแหน่งคุณก็จะได้ยินเสียงที่ชัดเจน คุณสมบัติทั้งสองนี้เรียกว่า Beam Width Control และ Active Room Compensation และทำงานร่วมกันเพื่อปรับเสียงให้เหมาะสมที่สุดสำหรับการฟังที่กำหนด แน่นอนว่าคุณคงไม่อยากตั้งค่าเองทุกครั้งที่เปลี่ยนไปดูอย่างอื่น เช่น จากการฟังเพลงไปเป็นการดูภาพยนตร์ แต่ลำโพง Beolab 90 สามารถปรับให้คุณได้เองโดยอัตโนมัติ คุณจึงไม่ต้องปรับหรือตั้งค่าเอง ซึ่งลำโพง Beolab 90 สามารถตรวจจับได้เออัตโนมัติ เช่น เมื่อคุณเปิดหนังที่เป็น Blu-ray คุณกำลังนั่งดูหนัง ดังนั้นลำโพง Beolab 90 จะปรับไปใช้การตั้งค่าที่ได้ตั้งตั้งค่าเอาไว้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ Beam Width Control และ Active Room Compensation ที่ออกแบบมาสำหรับเพื่อให้คุณสามารถนั่งชมภาพยนตร์กับเพื่อนๆของคุณได้ และในขณะที่คุณต้องการฟังเพลงหรือแม้แต่คุณนั่งอยู่คนเดียว Beolab 90 ก็จะสลับไปที่การตั้งค่านั้นโดยอัตโนมัติ แนวคิดในที่นี้คือ ผู้พัฒนาพยายามทำให้มีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงและปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณในขณะที่คุณใช้งานลำโพง Beolab 90
เบื่องหลังความสำเร็จของ Beolab 50
ยิ่งต้องการน้อย ยิ่งต้องใช้
Andre Poulheim และ Thorsten Frackenpohl กำลังเดินไปตามทางเดินของสำนักงานในเมือง Struer พวกเขาเพิ่งบินมาจากเมือง Cologne, Germany และนักออกแบบชาวเยอรมันสองคนก็พร้อมที่จะเริ่มงานได้ตลอดเวลา ในการแก้ไขขั้นสุดท้ายของลำโพง Beolab
ความพยายามใหม่ล่าสุดที่น่าตื่นเต้น เรียบง่าย และยาก
Andre Poulheim กล่าวว่า “เราต้องเจอความคาดหวังของลูกค้า และเราต้องทำมันอย่างมีประสิทธิภาพ” Andre Poulheim กล่าว โดยสังเกตว่าต้องใช้เวลาถึงสองสามรอบกับทีมออกแบบและแนวคิดของ Bang & Olufsen ก่อนที่จะมีการกำหนดเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ และมีคำถามเกิดขึ้นว่า นี่เป็นการแทนที่ลำโพงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่าง Beolab 5 หรือไม่ เป็นน้องๆของ BeoLab 90 หรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นลำโพงที่ล้ำหน้าที่สุดในตลาดปัจจุบันหรือไม่? หรือมันจะเป็นอะไรที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงBang & Olufsen มักจะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ไม่เหมือนใคร
Kill Your Darlings
“เราเริ่มต้นด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่ชัดเจน” Andre Poulheim กล่าวต่อ “จากนั้นก็เป็นเรื่องของการปรับแต่งรูปทรงให้ได้มากที่สุด” ในอดีต ผลิตภัณฑ์ของ Bang & Olufsen มักจะเป็นแบบเส้นตรงและทรงเรขาคณิต เกือบจะเป็นภาพในการแสดงออก แผนกออกแบบได้เริ่มมองหารูปทรงและรายละเอียดแบบดั่งเดิมมากขึ้นเพื่อให้มีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะใช้การออกแบบนี้กับ BeoLab 50 ด้วยAndre Poulheim กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงใหลคือการออกแบบของผลิตภัณฑ์ คุณสามารถดูและชื่นชอบได้เป็นเวลาหลายปี ” Andre Poulheim กล่าว Beolab 50 เป็นลำโพงที่มีประสิทธิภาพด้านเสียงที่น่าฟังอย่างแท้จริง และได้เป็นต้นแบบในบางส่วนของการพัฒนาสำหรับ Beolab 90 เคล็ดลับสำคัญเมื่อทำงานบางอย่างที่มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีนี้คือการจัดการส่วนประกอบและกลไก เพราะการที่จะไปถึงเป้าหมายมักจะมีจุดที่ซ่อนเร้นอยู่เสมอ เปรียบเสมือนการหาสัตว์ที่หายากในป่าลึก “ยิ่งคุณต้องการน้อยเท่าไร ก็ยิ่งทำงานหนักขึ้นเท่านั้น” Andre Poulheim จดบันทึกด้วยรอยยิ้มก่อนจะอธิบาย “และด้วย BeoLab 50 มีด้านหน้าที่ชัดเจนมากและด้านหลังสองด้านที่แตกต่างกัน ส่วนที่เหลือจะถูกซ่อนจากสายตา อะลูมิเนียมจะช่วยให้การทำงานทั้งหมดเข้าที่และให้ความรู้สึกที่มั่นคง ดูเหมือนง่ายนะ แต่เป็นงานที่ยาก”
สิ่งสำคัญที่คุณจะได้เห็นเทคโนโลยี BeoLab 90 บางอย่างในผลิตภัณฑ์ นี้และก็ยังมีเลนส์อะคูสติกที่ค่อยๆ ลอยขึ้นจากภายในของตัวลำโพงเพื่อวิเคราะห์ความกว้างของห้องเมื่อเปิดลำโพงและจะเลื่อนลงกลับเข้าไปข้างในเมื่อปิดAndre Poulheim กล่าวว่า “เลนส์มีความแข็งแรงและทันสมัยมาก จนอาจรบกวนดีไซน์ที่เรียบง่ายของลำโพงหากมองเห็นได้ตลอดเวลา และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เคลื่อนที่ได้และดูพิเศษมากขึ้น”Andre Poulheim กล่าว “แต่มันเป็น ส่วนการทำงานเมื่อเล่น มันมีจุดประสงค์โดยตรงที่จะแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและเมื่อปิดลำโพง เลนส์จะเลื่อนลงไปโดยอัตโนมัติ”
ประสิทธิภาพภายในสู่ความงดงามภายนอก
การพิจารณาด้วยสายตา คุณสามารถดูประสิทธิภาพและการออกแบบใน Beolab 50 ได้ เกี่ยวกับสไตล์จาก BeoLab 18, Beosound Moment และ Beovision 14 แผ่นไม้ที่ด้านหลังเป็นตัวกำหนดขนาดอย่างชัดเจน และหากคุณใช้ผ้าแทน คุณจะมองไม่เห็นด้านหลัง เมื่อยืนอยู่ด้านหลังลำโพงและ มองตรงไป คุณจะสัมผัสกับความลึกขอเป็นอีกมิตืนึงของลำโพง และคุณยังได้เห็นพลังที่ซ้อนอยู่ข้างใต้อีกด้วยInner performance, outer beautyAndre Poulheim กล่าวว่า “คุณมองเห็นเทคโนโลยีที่อยู่ข้างใน แต่ทันทีที่คุณเปลี่ยนมุม คุณจะเห็นแต่พื้นผิวและวัสดุเท่านั้น” Andre Poulheim กล่าว โดยสังเกตว่าแผ่นไม้สร้างความแตกต่างที่เป็นธรรมชาติและอบอุ่นให้กับเปลือกอะลูมิเนียมที่เพรียวบาง ที่ครอบคลุมทุกอย่างอะลูมิเนียมเป็นสิ่งที่นำใช้มาสร้างตัวลำโพง คุณจะได้เห็นข้อดีมากมายของมัน และแสดงถึงความแข็งแกร่งของลำโพง คุณเห็นช่องว่างระหว่างโลหะ ไม้ และผ้าได้อย่างชัดเจน เพื่อชื่นชมผลงาน 92 ปีของวิศวกรรมที่มีความแม่นยำในการผลิตสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างเช่น BeoLab 50Andre Poulheim กล่าวว่า “ส่วนล่างของลำโพงบางและ ละเอียดกว่า เหมือนนักบัลเล่ต์ที่ใช้นิ้วเท้าในการเต้น” ทำให้ง่ายต่อการจัดวางในบ้านของคุณ มันเป็นเรื่องของความสมดุลจริงๆ และด้วยการออกแบบ พื้นผิว และรูปทรง เราสามารถสร้างสิ่งที่จะทำให้คุณเห็นแล้วต้องตกหลุมรักเหมือนตอนเจอสาวในช่วงวัยรุ่น” ความพิเศษของ BeoLab 50 ในแง่ของรูปลักษณ์เป็นอีกมิติหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ทุกคนชื่นชอบมากขึ้น ด้วยการที่สามารถเปลี่ยนcoverได้ เปรียบเสมือนคุณจะได้นักบัลเล่ต์ในแบบที่เหมาะกับคุณและการตกแต่งตามสไตล์คุณ
เบื้องหลังความสำเร็จของ BEOVISION ECLIPSE
การผสมผสานของภาพและเสียง
Beovision Eclipse เป็นผลงานแรกจากความร่วมมือทางเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ระหว่าง LG Electronics และ Bang & Olufsen
ความร่วมมือกับ LG Electronics
Stefan Persson หัวหน้าแผนก HOME ของ Bang & Olufsen กล่าวว่า “Bang & Olufsen เป็นบริษัทระดับโลกในด้านเสียงและการออกแบบ และ LG Electronics นั้นดีที่สุดเมื่อพูดถึงทีวี ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยี OLED และระบบปฏิบัติการ”ไว้ด้วยกัน“การเป็นหุ้นส่วนจะช่วยให้เราอยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีทีวีอย่างแท้จริง ด้วยการร่วมมือกับ LG Electronics เรากำลังร่วมมือกับผู้นำด้านเทคโนโลยี OLED และด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยของ LG Electronics เข้ากับระบบเสียง การออกแบบและการรวมกับระบบเสียงของ Bang & Olufsen เราจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดได้อย่างแน่นอน” Stefan Persson กล่าว
ความงามของภาพและคุณภาพของเสียง
BeoVision Eclipse เป็นทีวีที่ได้รับการสร้างสรรค์มาอย่างดีและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมอบประสบการณ์ภาพและเสียงอย่างไร้ที่ติ“เมื่อคุณเปิด Beovision Eclipse คุณจะถูกดึงดูดไปยังภาพที่สดใสบนหน้าจอทันที และเสียงจะถูกส่งออกจากหน้าจออย่างแท้จริง มันเกือบจะเหมือนกับนักเล่าเรื่องที่ดึงคุณเข้าสู่เรื่องราวและได้ทางอารมณ์ที่สมจริง” Torsten Valeur ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบ Beovision Eclipse กล่าว สำหรับเขา เป้าหมายคือการทำให้เสียงและภาพเป็นองค์ประกอบเดียวกับภาพ โดยไม่รบกวนความสมดุลระหว่างภาพและเสียง เพราะทั้งสองอย่างสำคัญเท่ากัน
ประสบการณ์เสียงและความมหัศจรรย์ของหน้าจอ OLED และการหลอมรวมของทั้งสองอย่างทำให้เกิดผลที่น่าประใจ
J.H. Hwang หัวหน้าฝ่าย R&D ของ LG Electronics Home Entertainment Company กล่าวว่า “OLED เป็นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการอย่างแท้จริง โดยนำเสนอสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้เมื่อสองสามปีก่อนมาสู่ผู้ชมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสีดำที่สมบูรณ์แบบและคอนทราสต์ที่ไร้ขอบเขต OLED นั้นไม่มีใครเทียบได้ในด้านความสามารถในการสร้างภาพที่เหมือนจริงที่สุดของทีวีเฉดสีที่มากขึ้น”
OLED แตกต่างจาก LED ตรงที่แต่ละพิกเซลมีแสงในตัว และด้วยการกำจัดโครงสร้างแบ็คไลท์ คุณสามารถสร้างจอแสดงผลที่บางเฉียบได้ การเลิกใช้โครงสร้างแบ็คไลท์และใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบพื้นฐานของ OLED ทำให้นักออกแบบทีวีมีอิสระมากขึ้นในออกแบบและคุณภาพของภาพจะทำให้เข้าถึงอารมณ์สุนทรีย์ได้อย่างง่ายดายอันเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง
ข้อมูลของ OLED
Beovision Eclipse นำเสนอโอกาสที่เหมาะสมสำหรับ LG ในการร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอีกแห่งหนึ่งเพื่อร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มสื่อสมัยใหม่และทำให้เกิดความโดดเด่น เราภาคภูมิใจในมรดกทางเทคโนโลยีของเราและภูมิใจที่จะได้นำเสนอเทคโนโลยีทีวีที่ดีที่สุดในตลาดในปัจจุบันให้กับบริษัทที่ดีที่สุดในการนำเสนอความเรียบง่ายที่สวยงามมีสไตล์และมีเสียงที่สมจริงเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคกลุ่มใหม่” J. H. Hwang กล่าวปิดท้าย
พบกับ JAKOB และ SØREN จาก BANG & OLUFSEN
การพัฒนากลไกในการเปิดทีวีและเสียงสำหรับ Beovision Harmony ให้ดูพรีเมี่ยมมากขี้น
ประวัติการออกแบบที่โดดเด่นของ Bang & Olufsen นั้นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ Beovision Harmony แต่ทว่าในการออกแบบครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงอันโดดเด่นนั้นถือเป็นอีกหนึ่งคุณค่าหลักของ Bang & Olufsen และ เสียงที่ไพเราะ
พัฒนาการของ Beovision Harmony
“ปัญหาที่ว่าจะทำอย่างไรกับหน้าจอเมื่อปิดอยู่นี้เป็นสิ่งที่เราคิดมาระยะหนึ่งแล้ว” Jakob เป็นหัวหน้าฝ่ายเครื่องกลของ Bang & Olufsen ในแผนก Vision ในเมือง Struer ประเทศเดนมาร์ก โดยดูแลการออกแบบกลไกของโทรทัศน์ เขากำลังอธิบายแนวความคิดที่ยาวนานซึ่งนำไปสู่การสร้าง Beovision Harmony ในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นโทรทัศน์ที่มีมาตรฐานเสียงและการออกแบบระดับสูงของ Bang & Olufsen ที่มีเทคโนโลยีหน้าจอล้ำสมัยโดยบริษัท LG “ผู้คนต้องการมีหน้าจอขนาดใหญ่และสมจริงเพื่อรับชมภาพยนตร์ แต่โดยพื้นฐานแล้ว ยิ่งหน้าจอใหญ่ขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งน่าดึงดูดน้อยลงเท่านั้น เปรียบเสมือนแผ่นหินสีดำขนาดใหญ่ที่เข้าไปอยู่ในห้อง เราได้ลองทำงานร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ กับหน้าจอ LCD และอื่นๆ เพื่อพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหานี้”
ความท้าทายด้านวิศวกรรมในการพัฒนา Beovision Harmony
Graabaek รู้สึกตื่นเต้นเมื่อบทสรุปในการพัฒนาของ Beovision Harmony มาถึงบนโต๊ะทำงานของเขา “การเลือกใช้แนวคิดนี้ โดยที่เปลี่ยนแปลงแนวคิดพื้นทั้งหมด นั่นเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญมาก” ความกล้าหาญบวกกับขั้นตอนที่ซับซ้อนในของกลไก ซึ่งจะเป็นการทำงานที่ท้าทายและตื่นเต้นสำหรับ Graabaek และทีมของเขา “เมื่อมีคนพูดว่าอะไรเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นวิธีที่ดีในการทำให้วิศวกรในทีมของเรามีแรงที่จะสู้และพัฒนาจนทำให้เกิดขึ้นจริง” Graabaek อุทาน“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรามีแนวคิดที่น่าสนใจ โดยมีไอเดียจะทำเป็นชั้นวางตั้งอยู่ด้านหน้า มีตู้เลื่อนเข้าออก และ เราได้พลิกด้านหลังออกและเราก็หมุนมันเผื่อจะได้ไอเดียใหม่ๆ” Graabæk เล่า “และเมื่อมีไอเดียใหม่เกิดขึ้นสำหรับ Beovision Harmony จึงทำให้เราแยกพาร์ทในการพัฒนาออกเป็นสองพาร์ท โดยที่เรายกหน้าจอขึ้นและหมุนด้านหน้าที่เป็นในส่วนของตัวลำโพง ให้มีการเปลี่ยนแปลงที่สง่างามและดูน่าทึ่งในทั้งสองพาร์ท จะทำให้เป็นการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลและสวยงาม”แต่ความท้าทายที่แท้จริงสำหรับ Graabaek และทีมของเขาคือการคำนึงถึงรูปแบบการทำงานของ Beovision Harmony ที่เหมาะสมกับการผลิต “นายทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!?” Graabaek เล่นมุก “ในตอนแรกมีปัญหามากมายเกี่ยวกับความเสถียร ความแม่นยำ และการซิงโครไนซ์การเคลื่อนไหวของลำโพงและหน้าจอ ความท้าทายคือคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าลำโพงคู่หน้าจะสมานเข้ากันในทุกครั้งที่ใช้งาน”
ได้เวลาหาทางออก!!!
ทีมงานจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนและน่าทึ่งของ Beovision Harmony ให้เรียบง่ายและแข็งแกร่ง พวกเขาจำเป็นต้องทำให้ดูเป็นธรรมชาติและลื่นไหล หลังจากผ่านการทดสอบไปมาหลายครั้ง พวกเขาก็ได้ค้นพบวิธีการง่ายๆ เพียงยกหน้าจอขึ้นและให้การเคลื่อนไหวนี้ขับเคลื่อนโดยทำให้การหมุนของลำโพง – โดยใช้เพียงแขนข้างเดียวและรูปทรงเรขาคณิตที่เลือกสรรมาเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าจึงทำให้การเคลื่อไหวได้อย่างดีจึงสร้างการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลแบบนี้ออกมา (แท้จริงแล้วการเคลื่อนไหวแบบนี้ เรามีสิทธิบัตรที่รอดำเนินการอยู่สำหรับสิ่งประดิษฐ์นี้ (กลไก) . “เราสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนกว่านี้ได้อีกมาก แต่แนวคิดพื้นฐานต้องเรียบง่ายสุดๆ” Graabaek กล่าว “ยิ่งเราทำให้มันง่ายเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้น”“บริษัทจำนวนมากให้ความสำคัญกับการทำให้หน้าจอทีวีแคบและบางลง แต่เมื่อคุณสร้างทีวีที่บางและแคบมากจนเกินไป โดยมีพื้นที่เหลือเพียงเล็กน้อยสำหรับไดรเวอร์ที่สามารถขยับได้” นี้คือ Søren Viinberg ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Bang & Olufsen ใน Electro Acoustics จึงเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้การออกแบบของ Bang & Olufsen แตกต่างจากผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ส่วนใหญ่Viinberg ได้ทำงานเกี่ยวกับเสียงสำหรับโทรทัศน์ของ Bang & Olufsen จำนวนมาก และไม่ว่าการออกแบบจะยากแค่ไหน โทรทัศน์ Beovision Harmony จะเปลี่ยนโฉมเป็นโฉมใหม่อย่างกล้าหาญอาจเป็นต้นแบบของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ Viinberg เขาจะกลับมาคำนึงถึงผู้ฟังและคุณภาพของเสียงเพื่อประสบการที่ดีของผู้ฟังอย่างสม่ำเสมอ
ความเข้าใจและความเป็นมืออาชีพในด้านเสียง
“บริษัทจำนวนมากให้ความสำคัญกับการทำให้หน้าจอทีวีแคบและบางลง แต่เมื่อคุณสร้างทีวีที่บางและแคบมากจนเกินไป โดยมีพื้นที่เหลือเพียงเล็กน้อยสำหรับไดรเวอร์ที่สามารถขยับได้” นี้คือ Søren Viinberg ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Bang & Olufsen ใน Electro Acoustics จึงเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้การออกแบบของ Bang & Olufsen แตกต่างจากผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ส่วนใหญ่Viinberg ได้ทำงานเกี่ยวกับเสียงสำหรับโทรทัศน์ของ Bang & Olufsen จำนวนมาก และไม่ว่าการออกแบบจะยากแค่ไหน – โทรทัศน์ Beovision Harmony จะเปลี่ยนโฉมเป็นโฉมใหม่อย่างกล้าหาญอาจเป็นต้นแบบของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ – Viinberg เขาจะกลับมาคำนึงถึงผู้ฟังและคุณภาพของเสียงเพื่อประสบการที่ดีของผู้ฟังเสมอViinberg หมายถึงอะไรเมื่อเขาบอกว่าไม่มีที่ว่างเพียงพอสำหรับไดรเวอร์ที่จะ “เคลื่อนไหว” ก็คืองานของเราที่จะลดขนาดของอุปกรณ์ของเราให้เล็กลงและบางลง ซึ่งต้องสูญเสียคุณภาพเสียงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ทีวีส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสมกับเสียง” Viinberg กล่าวต่อ “แต่หลายคนบ่นว่าตอนดูหนัง มันยากที่จะได้ยินบทสนทนา และเมื่อคุณวิเคราะห์ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็จะพบว่ามันมักจะขาดไดรเวอร์ลำโพงที่เหมาะสม แท้จริงแล้วเสียงไม่ใช่จุดสนใจของผู้ผลิตแต่ Bang & Olufsen เรามุ่งเน้นในการพัฒนาเสียงให้กระจายไปยังตำแหน่งที่ผู้ฟังและผู้ชมอยู่”Beovision Harmony มีรูปแบบอันโดดเด่นที่ไม่อาจลืมเมื่อคุณพบเห็น – แนวคิดด้านการออกแบบ, ดีไซน์ และการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับทุกพื้นที่ ของคุณ – และความรู้สึกทางด้านเสียงเพลงที่จะให้ความรู้สีกสุนทรีและทำให้เสียงไปได้ในทุกพื้นที่ด้วยเช่นกัน
สร้างประสบการณ์
สำหรับ Viinberg ผู้ที่สนใจด้านวิศวกรรมเสียงก่อนหน้านี้เขาได้เล่นกีตาร์ในวงดนตรี และได้สร้างสตูดิโอบันทึกเสียงและการแสดงดนตรีสดด้านวิศวกรรมเสียง งานส่วนใหญ่ของเขาเกี่ยวกับคุณภาพของภาพและเสียง เขาได้ทำงานมากกว่าแค่การกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของการจำลองเสียง “แน่นอนว่าเรามุ่งเน้นที่การปรับเสียงสำหรับบทพูดในภาพยนตร์ แต่ในภาพยนตร์หลายเรื่องยังมีเอฟเฟกต์เสียง การระเบิด และอื่นๆ ที่คุณต้องการสร้างความประทับใจ” อันที่จริง ภายในการออกแบบที่โดดเด่นของโทรทัศน์ Beovision Harmony ได้รับการวิจัย การประดิษฐ์และการดูแลเสียงและการฟังมาเป็นเวลาหลายสิบปี จึงทำให้เกิดการพัฒนาครั้งนี้ขึ้นและยังทำให้ได้สิ่งที่ผู้คนต้องการใช้และยังได้ดีไซน์โทรทัศน์แบบใหม่ – ไม่เพียงแต่เสียงของ Beovision Harmony ที่มีประสิทธิภาพแต่ยังจะให้ประสบการณ์การฟังเพลงที่สวยงามอีกด้วย ดังที่ Viinberg อธิบายว่า “เราสร้างโปรเซสเซอร์เสียง Surround ในทีวีของเราเพื่อให้คุณสามารถตั้งค่าระบบเสียง Surround เต็มรูปแบบได้”มันเป็นความเข้าใจและความเป็นมืออาชีพที่คุณต้องการสร้างระบบสำหรับผู้คนและทำงานเพื่อไปสู่วิธีการที่แตกต่างกันที่ทำให้พวกเขาต้องการฟังเสียงและดนตรีที่แตกต่างจากที่พวกเขาเคยได้ยิน”
ช่วงเวลามหัศจรรย์
ในช่วงที่ไม่มีน้ำ ในช่วงที่ไม่มีไฟฟ้า และถ้าคุณออกมานั่ง ในอุณหภูมิที่ติดลบ 15 องศา คุณจะได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติข้างนอกนั้นและคุณจะยังได้เห็นทิวทัศน์ของหิมะที่สีขาวที่นุ่มนวล มองแวบแรกก็ขาวโพลน แต่เมื่อคุณมองเข้าไปใกล้ ๆ คุณจะค้นพบแถบแสงทั้งหมดของรุ้ง ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของแสง มองมุม หรือแม้แต่แสงที่ส่องออกมาจากก้อนเมฆ และ หิมะ หรืออุณหภูมิของอากาศ เป็นประสบการณ์ที่สงบสุขมาก ทั้งทางสายตาและจากมุมมองของเสียง ทุกอย่างถูกทำให้มีความสมดุลและพิเศษ ฉันอยากจะได้ความรู้สึกหรืออารมณ์ที่เปรียบเสมือนมีหิมะอยู่ที่บ้านและ BEOSOUND SHAPE ก็มาจากประเทศที่มีหิมะ หากคุณมองดูเกล็ดหิมะหรือแนวหิมะให้ละเอียดยิ่งขึ้น คุณจะเห็นว่าเกล็ดหิมะทุกอันมีโครงสร้างหกเหลี่ยม และเกล็ดหิมะทั้งหมดใช้กฎทางคณิตศาสตร์เดียวกัน และมีมุมมอง 120 หรือ 60 องศา แต่คุณไม่มีวันพบเกล็ดหิมะสองอันที่เท่ากัน รูปหกเหลี่ยมเป็นหนึ่งในรูปแบบที่เปรียบเสนอเกล็ดหิมะแบบธรรมชาติ และยังเห็นได้จากทุกอย่างตั้งแต่เกล็ดหิมะไปจนถึงรังผึ้ง ผลลัพธ์ทุกอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความรู้สึกถึงความงามตามธรรมชาติในรูปแบบที่ไม่สิ้นสุด คุณจะพบว่ารูปเรขาคณิตหกเหลี่ยมไม่ได้มีอยู่วิชาคณิตศาษอย่างเดียวแต่ยังอยู่ในลวดลายของหนังจระเข้หรือกระดองเต่า กล่าวอีกนัยหนึ่ง รูปหกเหลี่ยมมีมานานแล้วก่อนที่เราจะพบมัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างไม่มีใครใช้มันสร้างเสียงมาก่อน
การสร้างรูปทรงที่เป็นธรรมชาติ
ในคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้ เรามีเครื่องมือออกแบบที่ทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม วิธีการแบบ Analog ก็เป็นวิธีที่คลาสสิก เช่น การพับกระดาษหรือการวาดเส้นด้วยดินสอเป็นสิ่งที่คุณจะไม่มีวันปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้น มันเป็นวิธีการที่ใช้งานได้ดี แม้ว่าตอนแรกนี้จะดูซับซ้อนกว่าเล็กน้อย แต่รูปร่างหกเหลี่ยมและความสมมาตรของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายนั้นชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น อีกครั้งที่ Øivind มาเป็นผู้ออกแบบโมเดล Beosound Shape แต่การออกแบบขั้นสุดท้ายของการติดตั้งทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณอยากจะดีไซน์ออกมาในแนวไหน และจะดูแตกต่างออกไป เพราะขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณว่าคุณมองมุมไหนสวยและมุมไหนแสงเข้ามาในห้องจากทางด้านไหนเพื่อทำให้เพิ่มความสวยงามในห้องของคุณมากขึ้น และด้วยเหตุนี้เมื่อแสงส่องกระทบบน Beosound Shape แล้วจะทำให้ห้องของคน ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
ความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด
Beosound Shape เป็นแนวคิดที่ถูกออกมาให้เปรียบเสมือนของตกแต่งบนกำแพงที่ดูเรียบหรูและลูกค้าสามารถเลือกขนาด รูปร่าง สี และแม้แต่ประสิทธิภาพเสียงได้ตามความต้องการ ไทล์แต่ละอันจะทำหน้าที่แตกต่างกัน เช่น 1.เป็นลำโพง 2.แอมพลิฟายเออร์ หรือ 3.เป็นแดมเปอร์ และสามารถประกอบเข้าด้วยกันเป็นชุด ได้ไม่จำกัด เพื่อให้มีความยืดหยุ่นไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กก็สามารถติดตั้งและใช่งานได้ ระบบการติดตั้งที่ยืดหยุ่นนี้สามารถจัดเรียงใหม่เพื่อสร้างรูปแบบใหม่ๆได้ หรือสามารถเพิ่มไทล์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนสีของผ้าหรือทางเราจะเรียกว่า cover ได้ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกถึง 14 สี สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือคุณสามารถเปลี่ยนสี cover ได้ เพียงแค่ถอด cover ออกมาโดยไม่ต้องถอดโครงสร้างทั้งหมด เป็นวิธีที่ง่ายและยังสามารถทำเองได้ ความพิเศษนี้ทำให้คุณสามารถอัพเกรดสีและเปลี่ยนแปลงสี cover ในภายหลังได้ คุณยังสามารถอัพเกรดเสียงของ Beosound Shape ได้เช่นกัน สมมติว่าคุณเริ่มซื้อ Beosound Shape จากขนาดเล็ก จากนั้นจึงพบว่า “บางทีในการเพิ่มจำนวนก้อนลำโพงอาจทำให้ห้องนี้มีเสียงที่เจ๋งกว่านี้ก็ได้” คุณสามารถเพิ่มจำนวนได้ และคุณยังสามารถอีพเกรดประสิทธิภาพของเสียงได้อีกด้วย ดังนั้นมันจึงมีความพิเศษที่ยืดหยุ่น ไม่เพียงแค่ในแง่ของสีและการออกแบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในด้านของเสียงด้วย
การสร้างภาพและเสียง
เสียงที่ถูกส่งผ่านออกมาจะทำให้คุณได้รับประสบการณ์เสียงที่สมจริงและเข้าถึงความเป็นวงดนตรี ด้วยเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรที่เรียกว่า “band on the wall” ซึ่งเป็นอัลกอริธึมการผสมผสานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่จะทำให้กระจายสัญญาณไปทั่วลำโพง ทำให้เสียงนักร้องปรากฏขึ้นตรงกลางจากการฟังทุกครั้ง Beosound Shape เป็นมิติใหม่ในการฟังเพลง คุณไม่จำเป็นต้องนั่งตรงกลางของ Beosound Shape คุณสามารถอยู่ที่ใดก็ได้ในห้อง ซึ่งเป็นกรณีที่คุณมีผู้คนจำนวนมากสำหรับงานปาร์ตี้ Beosound Shape มีฟังชั้นในการใช้เสียงในลักษณะที่แตกต่างออกไป มันเลยเป็นเหมือนเกล็ดหิมะที่มี เสียงหรือสถาปัตยกรรมของเสียง คุณสามารถพูดได้ว่าระบบเสียงที่สมบูรณ์แบบมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมของเสียงที่ดูดีและแตกต่างไม่เหมือนใคร จนทำให้เพื่อนๆ ที่มาปาร์ตี้รู้สึกดีไปกับเสียงเพลงที่เล่นผ่าน Beosound Shape
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทุกวัน 11:00 – 20:00 น.
Beyond by Boonlapo ชั้น 3 Siam Paragon
โทร 02 125 3047 I 098 393 8077
Bang & Olufsen Flagship ชั้น 1 ICONLUXE Iconsiam
โทร 02 087 9289 I 092 996 7939
Bang & Olufsen ชั้น 1 Central World
โทร 02 050 48991 I 092 476 8938
Bang & Olufsen ชั้น 4 Central Embassy
โทร 02 000 5521 I 092 759 6988
Bang & Olufsen ชั้น 1 Emporium
โทร 02 664 8202 I 098 971 9767
Bang & Olufsen ชั้น 1 Central EastVille
โทร 02 553 6129 I 092 909 3558
ติดตามข่าวสารและพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าได้ที่
Facebook : Boonlapo
Instagram : @boonlapo_th
Line Official : @bangandolufsenth
Twitter : @BoonlapoCoLtd
TikTok : @boonlapo
LinkedIn : Boonlapo
หรือ โทรติดต่อ 093 137 8922